เที่ยวเมืองจันทบุรี ไปกับ PCX Hybrid [Full Review ]


จันทร์บุรี เมืองเล็กๆที่แผงมนต์เสน่ห์
กับเส้นทางของถนนเลียบชายหาดที่สวยที่สุด
ทำให้เราต้องกลับมาเยือนถิ่นนี้อีกครั้ง 

ซึ่งในทริปนี้ มีโอกาสมาขับขี่ PCX Hybrid อีกครั้ง
กับระยะทาง700 กว่ากิโลเมตร
จะเป็นยังไงบ้าง เราไปดูกัน!


เริ่มต้นเราเดินทางจาก กทม. ประมาณ 6 โมงเย็น
ฝ่าการจราจรที่แสนแออัด ไปยังท่าน้ำพระประแดง
นั่งเรือข้ามฟากไปเส้นปู่เจ้าสมิงพราย
ตัดมาเส้นเลียบฝั่ง มุ่งหน้าเข้าเมืองชล
วิ่งเส้น 344 ยาวไปจนถึงที่พัก


เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. รวมเวลาพักรถ
ถึงที่พักเก็บของเสร็จ ก็แวะชมถนนเลียบชายหาด
ในยามค่ำคืนดูบ้าง กับถนนสาย"เฉลิมบูรพาชลทิศ"
กับบรรยากาศที่มีเพียงถนนโล่งๆและแสงไฟ
ซึ่งในตอนเช้า เราจะออกมาที่นี่กันอีกที


บรรยากาศยามเช้าของที่นี่ มีเสน่ห์ไม่แพ้ยามค่ำคืน
โดยถนนเส้นนี้เป็นถนนเลียบชายฝั่งที่ว่ากันว่า
"สวยที่สุดในภาคตะวันออก" ถูกขนานนามว่า
“Scenic Route” หรือ “เส้นทางชมวิวที่สวยงาม”


จุดเด่นของถนนเส้นนี้คือ เส้นทางเลียบเลาะ
ภูเขาและทะเล ที่ถูกแบ่งวิวของสองข้างทาง
ทำให้ถนนเส้นนี้มีทัศนียภาพ
และวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม


เมื่อขับตรงไปเรื่อยๆจะพบ จุดชมวิวเนินนางพญา
เป็นเนินเขาเล็กๆ สามารถขึ้นไปชมความสวยงาม
ของทัศนียภาพโค้งงามๆที่กั้นระหว่าง
ท้องทะเลอ่าวคุ้งวิมานและภูเขาได้



จุดชมวิวเนินนางพญา ที่ใครผ่านมาก็ต้องมายืนที่นี่
เส้นทางนี้ นอกจากเหมาะกับการขับรถชมวิวแล้ว 
ยังเป็นที่นิยมของคนที่ชอบปั่นจักรยาน
โดยจะมีเลนของจักรยานไว้ให้ที่บริเวณไหล่ทาง 
มีที่กั้น และทาพื้นสีแดง เห็นเด่นชัด



ถัดไปไม่ไกลนักจากจุดชมวิวเนินนางพญา
เรียกได้ว่าอยู่ติดกันเลยดีกว่า กับแลนด์มาร์คใหม่
ที่หลายคนอาจยังไม่เคยไป


"จุดชมวิวเจดีย์บ้านหัวแหลม"
ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแห่งหนึ่งของเมืองจันท์
มีสะพานไม้พาดผ่านโขดหินยื่นออกไปในทะเล


"จุดชมวิวเจดีย์ บ้านหัวแหลม" 
มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ตั้งตระหง่านโดดเด่น
อยู่บนโขดหินกลางทะเล บริเวณปากอ่าวคุ้งกระเบน
ฝั่งตรงข้ามกับแหลมเสด็จ 




โดยบริเวณด้านในสุด จะมีองค์พระให้ได้สักการะ
กราบไหว้ก่อนออกเรือให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย





เยื้องๆจุดชมวิวเนินนางพญามาไม่ไกล
ขึ้นเนินมาหน่อย จะมีจุดชมวิว ชายหาดคุ้งวิมาน 
หรือ จุดชมวิว หลวงพ่อพระยืน ซึ่งอยู่ห่างจาก
จุดชมวิวเนินนางพญา แค่ 3 กิโลเมตรเท่านั้นเอง


ช่วงที่มาถึงประมาณบ่ายโมง แดดจ้าอยู่พอสมควร
แนะนำสำหรับคนที่อยากมาชมวิว มาช่วงประมาณ
 4-5 โมงกำลังดี


จุดนี้สามารถมองเห็นทะเลไกลสุดลูกหูลูกตา
เหมาะแก่การถ่ายภาพและชมพระอาทิตย์ตก


แวะชม "ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน"
เป็นโครงการป่าชายเลน "แบบยั่งยืน" มีการใช้
ระบบนิเวศน์บำบัดน้ำเสีย โดยไม่พึ่งสารเคมี
ใช้ ป่าโกงกาง ทำความสะอาดน้ำ



หน้าทางเข้าเดิม มีการปรับปรุงซ่อมแซมอยู่
จึงย้ายจุดทางเข้ามาอีกทางเป็นการชั่วคราว


ทางเดินเป็นสะพานไม้เดินยาวประมาณ 1 กม.



วันที่ไป น้ำแทบไม่มี อาจเพราะมีปรับปรุงสะพาน
 ทำให้ดูออกจะแล้งไปซะหน่อยในช่วงนี้


ถัดมา เราเดินทางไปหาดเจ้าหลาว
ถือโอกาสนั่งพักรับลมทะเลชิลๆ


ในคืนนี้ เราพักกันที่ บุญน้ำฟ้า รีสอร์ท



ที่นี่ทำเลดี ใกล้ร้านสะดวกซื้อ ใกล้ปั๊ม ใกล้ตลาด
มีจักรยานให้ใช้ฟรี อุปกรณ์ปิ้งย่างมีให้ครบครัน
พนักงานบริการดีมาก ส่วนตัวที่นี่ให้ผ่านเลยครับ


รุ่งเช้ามา เราออกเดินทางเลียบฝั่งทะเล
มุ่งหน้าไปตึกแดง คุกขี้ไก่ และ เข้าตัวเมืองจันทบุรี


ตึกแดง ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือแหลมสิงห์
เป็นอาคารที่ฝรั่งเศสสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2436
เดิมทีตึกนี้เป็นกองรักษาการณ์ และที่พัก
ของทหารที่รักษาปากน้ำแหลมสิงห์


ภายใน มีประวัติความเป็นมาในอดีต และปืนใหญ่เมืองจันท์



ถัดมาไม่ไกล คุกขี้ไก่ สมัยก่อน เป็นคุกที่เอาไก่
มาขี้ใส่นักโทษที่ทำผิด ด้านบนจะเป็นระแนงไม้
เอาไก่ไว้ด้านบน (ปัจจุบันไม่มีระแนงไม้แล้ว)
แล้วก็ให้นักโทษเข้าไปอยู่ด้านล่าง
ได้เลี้ยงไก่และได้ทรมานนักโทษไปพร้อมกัน


จากนั้นเราออกเดินทางมุ่งสู่ตัวเมืองจันทบุรี
จุดหมายที่ต่อไปคือ "อาสนวิหารพระนางมารีอา"



เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิกจันทบุรี
ตั้งอยู่บริเวณริมคลองจันทบุรี ใกล้ๆกับ
ชุมชนริมน้ำจันทบูร


ด้านในเปิดในเยี่ยมชม 9.00-12.00 น. 
และ 13.00 – 16.30 น.
ยกเว้นวันไหนมีพิธีกรรม จะงดเข้าชม
ส่วนด้านนอกสามารถถ่ายรูปได้ตลอดเวลา


ด้านในสามารถถ่ายรูปได้ แต่ต้องด้วยท่าทางสุภาพ


หลังจากเยี่ยมชมโบสถ์เสร็จ เราเดินข้ามสะพาน
มาอีกฝั่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนริมน้ำจันทบูร



บรรยากาศของที่นี่ เป็นเมืองเก่า
ส่วนใหญ่ยังเป็นที่พักอาศัย และร้านค้าของชุมชน
ที่มีอายุมากว่าเกือบร้อยปี 


อาคารบ้านช่องแถวนี้ ยังคงสภาพเดิมๆอยู่หลายหลัง
บางที่ร้าง บางที่ยังคงมีคนอาศัยอยู่



บางแห่งถูกปรับปรุงใหม่ มีร้านกาแฟ
บรรยากาศชิลๆให้เลือกนั่งกันหลายร้าน


ตามกำแพงข้างทาง มีงาน Street Art ให้เห็นทั่วไป







เราใช้เวลาเดินที่นี่กันอยู่พักใหญ่
แนะนำสำหรับใครที่ขับมอเตอร์ไซค์มา
สามารถขี่เข้ามาเรื่อยๆได้เลย
เจอจุดไหนสวยก็จอดถ่าย สะดวกกว่า


ระหว่างทางเราจะพบแมวน้อยได้เป็นระยะๆ



ยังงี้สินะ ที่เค้าเรียก "แมวมอง"


เดินกันมาไกล ย้อนกลับมาปากทาง
จะมีร้านไอติมจรวดอยู่ ราคาแท่งละ 12 บาท
รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว


ก่อนเดินทางกลับ เราแวะมาเคารพ ศาลหลักเมือง
เพือขอให้เดินทางโดยปลอดภัย


ใกล้ๆกันมีศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินอยู่ด้วย



ก็ถือว่าจบทริปเยือนถิ่นจันทบุรี
กับระยะทางไป-กลับ รวมกว่า 700 km
หวังว่าการเดินทางครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ให้
หลายๆคนนะฮะ

หลังจากบรรยายบรรยากาศการเดินทาง
เราก็มาเล่าถึงยานพาหนะที่พาเรามาถึงที่นี่กันบ้าง


สำหรับเจ้า PCX Hybrid คันนี้
ถือว่าเป็น รถมอเตอร์ไซค์ ไฮบริด คันแรกของโลก
ที่ใช้ "แบตเตอรี่ลิเธียม" คุณภาพสูง
ในการช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อนของเครื่องยนต์


ดูผ่านๆอาจไม่แตกต่างกับตัวโฉมก่อนเท่าไหร่
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็จะมีออฟชั่นเล็กๆน้อยๆ


ไฟหน้า Full LED ในส่วนนี้ จะมีเสริมแถบสีฟ้าลงไป
บ่งบอกถึงความเป็น ไฮบริด มากขึ้น 


ไฟท้าย LED ที่มาพร้อม Smoke Lens เสริมความเท่ได้อย่างเหนือระดับ


เพลทโลโก้ Hybrid แบบเดียวกับรถยนต์
ฮอนด้าไฮบริดที่ใช้กันทั่วโลก


เรือนไมล์
มีการเพิ่มในส่วนของ Assist Level 
ช่องแสดงระดับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า
ในขณะเร่งความเร็ว และแถบ Chart แสดงระดับ
พลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 
บอกระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
นาฬิกา/ทริป/อัตราสิ้นเปลือง รวมถึงโหมดการขับขี่


ประกับคันเร่งฝั่งขวา เปลี่ยนจากปุ่ม Idling Stop
กลับไปเป็นปุ่ม Off-Run และมีสวิทช์ไฟฉุกเฉิน


โหมดการขับขี่
ในส่วนด้านซ้ายมีการเพิ่ม สวิตช์ด้านหน้า
ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด
- Drive Mode (D) โหมดขับขี่ปกติ
- Sport Mode (S) โหมดขับขี่แบบสปอร์ต
โหมดนี้จะช่วยเพิ่มกำลังให้มอเตอร์ไฟฟ้า
เสริมการทำงานให้เครื่องยนต์ 
มีอัตราเร่งที่แรงมากขึ้นกว่าโหมด D
 - Blank Mode (-) ทำงานเช่นเดียวกับโหมด D 
หากแต่โหมดนี้จะปิดการทำงานของ Idling Stop


สวิทช์กุญแจ
เป็นแบบ Smart Controller
สะดวกสบาย เพียงแค่บิดแล้วสตาร์ท
มาพร้อมกับ Smart Key ที่ทำงานได้ 3 ฟังก์ชั่น
- ระบุตำแหน่งรถ
- สัญญาณกันขโมย
- เปิด/ปิด สัญญาณกันขโมย


U-Box 
ถูกปรับขนาดเล็กลงกว่าเดิม 5.5 ลิตร
เหลือ 23.3 ลิตร โดยมีแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน
เพิ่มเข้ามา อาจจากเสียพื้นที่เก็บของไปบ้าง
และทำให้น้ำหนักรถเพิ่มขึ้นอีก 4.7 kg
แต่ก็แลกมาด้วยอัตราเร่งที่ดีขึ้นกว่าเดิม


แบตเตอรี่

นอกจากแบตเดิมติดรถที่มีให้อยู่แล้ว
ใน PCX Hybrid ยังมีการติดตั้ง
แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน คุณภาพสูง เพิ่มขึ้นมา
โดยจะมีแรงเคลื่อนไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์
ถูกออกแบบให้ป้องกันการกระแทกและกันน้ำ
ได้เป็นอย่างดี และมีการรับประกันคุณภาพ
จากทาง Honda 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร
ราคาแบตเตอรี่ในปัจจุบัน อยู่ที่ 20,000 บาท
มีอายุการใช้งาน 6 – 8 ปี ซึ่งในอนาคต
ราคาแบตเตอร์รี่อาจถูกลงกว่านี้



เครื่องยนต์
โดยปกติในมอเตอร์ไซค์ทั่วไป จะใช้
กล่อง ECU (Electronic Control Unit) 
ในการควบคุมการสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง
เพียงอย่างเดียว
แต่ทว่า...
ใน PCX Hybird มีการปรับเปลี่ยนมาใช้เป็น
กล่อง PDU (Power Deliver Unit)
ทำหน้าที่สั่งการไปยังแบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน
จ่ายไฟไปยัง มอเตอร์ไฟฟ้า (Motor Assist)
ที่มีแรงขับเคลื่อน 1.9 แรงม้า เสริมการทำงาน
ให้กับเครื่องยนต์ esp 150cc ไปด้วยกัน
ทำให้อัตราเร่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



หลังจากรู้เสปครถกันคร่าวๆแล้ว
เรามาดูในส่วนของการใช้งานจริงกันบ้าง


ทดลองขับขี่ในตัวเมือง
จากการทดลองขับในเมืองช่วงจราจรหนาแน่น
การควบคุมรถ สามารถทำได้ดี ขับขี่ได้อย่างสนุก
การมุด ซอกแซกระหว่างตัวรถ ก็ทำได้ง่าย
จังหวะเร่งแซง ไปได้ทันใจ เรีียกได้ว่าครบครัน
สำหรับการใช้งานในตัวเมืองจริงๆ

โดยในระยะทางประมาณ 39 km
ทำอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 41 กม./ลิตร.


ระบบ idling Stop
จากเดิมในรุ่นก่อน ที่ระบบนี้เมื่อจอดเครื่องจะดับ
ใน 3 วินาที แต่ใน PCX Hybrid รุ่นนี้ จะใช้เวลา
เพียง 0.5 วินาทีในการตับเครื่องเท่านั้น!
ถือว่าสามารถทำงานได้ดี ในจังหวะรถติดไฟแดง
ช่วยประหยัดได้มากขึ้น
(ซึ่งถ้าใครไม่ชอบจุดนี้ อาจเปลี่ยนไปใช้
Blank Mode ที่ปิดระบบ Idling Stop ออกไป)


โหมด D และ โหมด S
หลายๆคนอาจสงสัย ว่า 2 โหมดนี้ ต่างกันอย่างไร
โหมด D ก็คือ โหมดขับขี่แบบปกติ
ซึ่งก็จะมีอัตราเร่งที่ให้มาแบบไม่หวืดหวามาก
(แต่ก็แรงกว่าตัวก่อนนะ)
โดย โหมด S จะมีอัตราเร่งที่จัดจ้านกว่า
โหมดนี้จะเค้นพละกำลังสูงสุดของเครื่องยนต์
ออกมามากกว่า โหมด D
ซึ่งความแตกต่างระหว่าง 2 โหมดนี้
อัตราเร่งมีความต่างกันราว 10-15%


การเข้าโค้ง
ช่วงล่างยังคงความนุ่มนวลไว้เช่นเดิม 
การควบคุมรถทำได้ง่าย ด้วยอัตราเร่งที่ดีขึ้น 
ทำให้การเล่นโค้งมีความสนุกมากขึ้น
เมื่อเปิดคันเร่งออกจากโค้ง


การทำงานของระบบไฮบริด
การทำงานของระบบไฮบริด หรือ ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า
จะไม่ได้ทำงานตลอดเวลา
แต่จะทำงานเมื่อบิดคันเร่งเป็นเวลาประมาน 3 วินาที
หลังจากนั้นระบบไฮบริดจะตัดการทำงาน
 โดยจะมีการชาร์จไฟกลับทุกครั้งที่มีการผ่อนคันเร่ง
และขณะรอบเดินเบา  ทำให้มีประสิทธิภาพ
พร้อมส่งกำลังไฟได้ตลอดเวลา



เข้าใจง่ายๆว่า ระบบไฮบริดจะทำงาน
เมื่อทำการบิดคันเร่งเต็มที่ ประมาน 3 วินาที
ซึ่งในจังหวะเหล่านี้ มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย
ทำให้ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงไปได้บ้าง
แต่ก็ไม่ได้มากจนเป็นจุดเด่นสักเท่าไหร่



ทดลองขับขี่ทางไกล
จากการทดลองขับระยะทางไกล
ในช่วงความเร็วต้น-กลาง สามารถบิดได้อย่างสนุก
แต่ในช่วงความเร็วปลายจะเริ่มมีอัตราเร่งที่ช้าลง
ในช่วงความเร็ว 100 km/hr ขึ้นไป
ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ อยู่ที่ 120 กม./ชม.
หลังจากนั้น เครื่องยนต์จะตัดรอบโดยอัตโนมัติ

โดยในระยะทางประมาณ 100 km
ความเร็วยืนพื้นอยู่ที่ราวๆ 100-110 กม./ชม.
มีอัตราสิ้นกินน้ำมันอยู่ที่ 37.8 กม./ลิตร.


ระยะทางต้น-จบทริป 728.4 กม.
ความเร็วยืนพื้นอยู่ที่ราวๆ 110-115 กม./ชม.
มีอัตราสิ้นกินน้ำมันอยู่ที่ 36.4 กม./ลิตร.


อัตราเร่ง
ในทริปนี้ เราเดินทางด้วยกัน 2 คัน
คือ PCX Hybrid และ Forza 300 (โฉมเก่า)
ซึ่งจากการทดลองอัตราเร่งตอนออกตัว
พบว่า PCX Hybrid สามารถออกตัวได้แรงกว่า
นำไปได้แบบสบายๆ แต่ในช่วงท้าย
Forza 300 ก็เร่งแซงกลับไปได้แบบไม่ยากเย็น

สำหรับเจ้า PCX Hybrid 2018
ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 99,900 บาท

ก็ถือว่าจบการรีวิวสำหรับเจ้า PCX Hybrid ตัวนี้
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบครับ

ชมตัวอย่างการขับขี่สั้นๆได้ที่คลิปนี้ครับ












ความคิดเห็น