CRF 250 RALLY The Fearless Destination Trip Day


เริ่มต้นทริปแรกของปี หลังจากขี่ทางดำมาตลอด ครั้งนี้ได้มีโอกาสประเดิมทางดินบ้าง
โดยงานนี้ Freeman ได้รับเชิญจากทีม Just Ride it ว่ามีทริปขี่รถเล่นเบาๆ 
ไอ้เราก็ใจง่าย ใครชวนไปไหนก็ไปหมด หารู้ไม่ว่าชะตากรรมข้างหน้าสะเทือนใจแค่ไหน T^T 

วันนี้เลยจะมาเหลาประสบการณ์เปิดซิงครั้งแรกกับการขับขี่เข้าป่า (ไม่ใช่ป่าเดียวกันน๊าาา) 
ซึ่งต้องขอออกตัวก่อนว่าตัว Freeman เป็นมิือใหม่มากๆสำหรับทางสายนี้ มาดูกันว่า จะโหด มันส์ ฮา ขนาดไหน!
วันแรกเดินทางสู่เชียงใหม่ โดยสายการบิน Thai Smile Airline 
เริ่มต้นก็เกือบจะอดไปซะแล้ว เพราะเข้าใจว่าขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่โชคดีที่ไหวตัวทัน

จริงๆมันต้องไปขึ้นที่สุวรรณภูมิ!! 


โดยทริปนี้กินระยะเวลาทริปรวม 4 วัน
ขอข้ามขั้นไปโฟกัสเรื่องการขับขี่เลยเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะฮะ

เริ่มต้นทริปเราก็เดินทางมาที่ศูนย์ Honda Safety Riding Park ก่อน
ซึ่งทางทีมงานได้จำลองพื้นที่ให้ใกล้เคียงกับทางที่เราจะไปลุยกันในวันนี้

ขอบคุณภาพจากทีมงาน 35 Line ด้วยครับ

โดยช่วงเช้าเราจะฝึกพื้นฐานการขับขี่กันในสนาม
เพื่อให้คุ้นชินกับรถและเรียนรู้ทักษะต่างๆก่อนจะลงสนามจริง! ซึ่งจะมีทางหลากหลายให้ได้ทดลองกัน ทั้งดินฝุ่น ทางหิน น้ำ ทราย  ซึ่งทางระดับนี้ สำหรับมือใหม่แบบ Freeman ก็ล้มไปแค่ 2 ครั้งเท่านั้น
(ครั้งแล้วกับครั้งเล่า...)


ท่ายืน/ท่านั่ง

ซึ่งสำหรับตัวรถ CRF 250 Rally ตัวนี้ แว๊บแรกรู้สึกได้เลยว่าเป็นรถที่สูงเอาเรื่องเลยทีเดียว 
แต่พอลองได้นั่งดูก็พบว่ามีการยุบตัวลง จนสามารถคร่อมได้โดยที่สัมผัสพื้นได้เกือบๆเต็มเท้า 
(ตัว Freeman สูงประมาณ 175 ซม. บวกกับใส่บูทวิบากเสริมขึ้นอีกหน่อย)

ทางร่องดินขึ้นเนินแบบนี้ เทคนิคการขับขี่คือ ยืนโน้มตัวไปข้างหน้าให้ลำตัวตั้งฉากกับพื้น

ส่วนทางน้ำก็ใช้หลักการเดียวกัน คอยประคองปล่อยไหลไปตามพื้นผิวของทาง

เห็นหินๆแบบนี้ในสนาม ของจริงนี่โหดกว่านี้เยอะ ขอบอก

ในเรื่องเทคนิติการขับขี่ ได้ อ.อาร์ท God Rider เป็นผู้สอน 
ขออนุญาตลงเป็นคลิปไว้ อาจมีบางเทคนิคขาดตกบกพร่อง ยังไงขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยครับ




เมื่อทดลองขับขี่กันได้สักพัก ก็แวะไปเติมพลังกันที่ร้าน โอ้กะจู๋ 
(ที่มาชื่อร้านนี้ เจ้าของคือคุณอู๋กับโจ้ ผวนดูก็ร้องอ๋อเลยทีเดียว)



จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทาง โดยจุดหมายแรกอยู่ที่ม่อนล่อง-ม่อนแจ่ม




ทางในช่วงนี้จะมีร่องหิน ดินทราย สลับกันไป มีบางจุดเป็นร่องดินโคลนเล็กๆ ก็ยังถือว่าไม่โหดเกินไป 




 จนมาถึงจุดพักแรกระหว่างทาง อยู่ระหว่างทางไปม่อนล่อง ใกล้ๆทางขึ้นม่อนแจ่ม
จุดนี้เราใช้เวลาพักอยู่พอสมควร เพราะ จะเริ่มเขยิบเข้า Stage 2 ซึ่งจะเริ่มโหดขึ้นอีกนิดนึงแล้ว


ตามทางเริ่มมีร่องดินให้เห็นเยอะขึ้น ถ้าเป็นหน้าฝนนี่บันเทิงแน่นอนนนนน



หลังจากขับมาได้สักพัก ก็มาถึงจุดพักที่สอง ณ ม่อนวิวงาม บรรยากาศสวยงามสมชื่อจริงๆ
ซึ่งจุดนี้ตัว Freeman เองได้ทำการเปลี่ยนรถไปทดลองขับตัว CRF250 L ดูบ้าง
เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างว่าเป็นอย่างไร 

เปรียบเทียบตัว L กับ Rally

เท่าที่สัมผัสได้คือเบาะของตัว CRF250Rally จะสูงกว่าเล็กน้อย
โช๊คยุบตัวได้ดี ให้สัมผัสได้นิ่มนวลและหนืดกว่าตัว L 




ยังเฮฮาได้อยู่

หลังจากพักเต็มอิ่ม จากนี้เราก็จะวิ่งชิลไปยาวๆ แล้วก็จะเริ่มเข้าสู่ของจริง
ยอมรับเลยว่าจากจุดนี้ไปไม่มีโอกาสได้หยิบกล้องมาถ่ายสวยๆ เพราะ แค่เอาตัวให้รอดก็ลำบากแล้ว ใครอยากรู้ว่าโหดแค่ไหนชมคลิปได้เลย





โหดขนาดไหน จมไปครึ่งคัน
ชุบทีมีใบ...



หลังจากขับมาร่วมครึ่งวัน HP ก็ลดลงจนหลอดแดงแล้วแดงอีก 
นาทีนี้อยากหลับแล้วกลับจุดเซฟไปเลย เมื่อรู้ว่าที่ขับมายังไม่ถึงครึ่งทาง
แต่ในเมื่อมาขนาดนี้แล้วกลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ต้องไปให้ถึง...

เอ้า! ดีใจทำไม ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย T^T

หลังจากจุดนี้ไปเราได้แต่เร่งทำเวลา เพราะ เดี๋ยวฟ้าเริ่มมืด จะเดินทางกันลำบาก
จนในที่สุดเราก็มาถึงที่พักจนได้...




หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน ก็ได้เวลาเติมพลังให้เต็มอิ่มท้อง
มื้อนี้เรียกได้ว่ามีเท่าไรใส่ลงกระเพาะให้หมด แล้วมาสลบลงบนที่นอน
ถือว่าได้ทักษะและประสบการณ์มากมายจริงๆ 



เริ่มวันที่สอง หลังจากผ่านดั้นเจี้ยนโหดมาแล้ว วันนี่้เราจะไปกันแบบชิลๆสบายๆ 
โดยจุดหมายแรกของเราวันนี้คือ ขุนวาง ไปชมซากุระบานสวยๆกัน




หลังจากเดินชมโดยรอบพอประมาณ เราก็ไปต่อกันที่ดอยอินทนนท์


แวะพักเติมพลังก่อนขึ้นดอย







สรุปทริปนี้ ครั้งแรกกับการขี่ทางดินเข้าป่า เรียกได้ว่าเป็นทริปโหดๆทริปนึงในชีวิตเลย ล้มนับครั้งไม่ถ้วน แต่โชคดีที่ไม่มีบาดแผลอะไร ส่วนใหญ่ก็จะลื่นกับล้มแปะ ตามร่องดินซะมากกว่า
ได้เรียนรู้สกิลดีๆในการขับขี่มาอย่างมากมาย ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่าครั้งนึงในชีวิตเลยครับ


ความคิดเห็น