Mini Review CFMOTO 250NK

สวัสดีครับ วันนี้ทาง Freeman Rider
ได้มีโอกาสมาทดลองขับขี่

กับมอเตอร์ไซค์ค่ายใหม่ที่พึ่งเปิดตัว
ในประเทศไทย

โดยเคยมาให้เราได้ยลโฉม
กันเมื่อ MotorShow ต้นปีที่ผ่านมา

นั้นคือค่าย "CFMOTO" นั้นเอง

โดยค่ายนี้เป็นแบรนด์จากแดนมังกร 

นำโดยผู้ผลิตยานยนต์ POWERSPORTS
ชั้นนำของโลกที่มีประวัติก่อตั้ง
มานานเกือบ 30 ปี และมีเครือข่าย
การจัดจาหน่ายอยู่กว่า 80 ประเทศทั่วโลก 

ซึ่งค่ายนี้มีการร่วมมือกับ KTM ในการ
พัฒนาเครื่องยนต์ร่วมกัน

ซึ่งวันนี้เรามาทดสอบเจ้า CFMOTO 250NK
กันที่สนาม พีระ เซอร์กิต

โดยจะมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น
คือ Standard และ ABS

มีให้เลือก 4 สี โดยตัว ABS
จะมีสีดำและสีบรอนซ์

และตัว Standard จะมีสีแดงและน้ำเงิน

และที่แตกต่างอีกอย่างคือ เรือนไมล์

โดยรุ่น Standard จอแสดงผลเป็น LCD

ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้ง Mode Sport และ Economy

และในตัว ABS จอสีแสดงผล TFT
มีเซ็นเซอร์วัดแสงที่สามารถ
ปรับโหมดหน้าจอตามปริมาณ
แสงแดดระหว่างวัน

ซึ่งสามารถปรับหน้าจอได้ 2 แบบ

คือ Mode Sport หน้าจอแสดงผล

แบบเข็มไมล์

บอกระดับน้ำมัน ความร้อน เลขเกียร์

ระดับแบตเตอร์รี่ นาฬิกา ฯลฯ

ถือว่าให้มาครบ!

และ Mode Rain หน้าจอแสดงผล
เป็นแถบ Chart ดูสะอาดตาไปอีกแบบ

และอีกจุดที่แตกต่าง คือ
ระบบเบรค ABS และ ไม่มี ABS

ในส่วนของไฟหน้า เป็นแบบ LED 

มีทั้ง Daylight / ไฟต่ำ / ไฟสูง

โช๊คอัพด้านหน้าแบบ
Upside Down ขนาด 41mm

ประกับคันเร่งด้านขวา

ปุ่มสตาร์ทเครื่องด้านบนแบบเลื่อน

มาพร้อมไฟฉุกเฉิน

และปุ่มเปิด-ปิดไฟหน้า

ที่สามารถเลือกเปิด

แต่ละส่วนแยกออกจากกัน

ด้านซ้ายมาพร้อมไฟต่ำ-สูง
ปุ่มปรับโหมดหน้าจอ แตร ไฟเลี้ยว

และมีปุ่มกระพริบไฟสูงด้านหน้า

และระบบกันสะเทือนหลังแบบ
Cantilever ที่สามารถปรับระดับ
ความอ่อนแข็งของสปริงได้

เครื่องยนต์ขนาด 249 cc.
4 จังหวะ สูบเดี่ยว ระบบหัวฉีด EFI 

เกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ

แรงบิดสูงสุดที่ 22 นิวตันเมตร
7,500รอบ/นาที

พละกำลังสูงสุดที่ 26.5 แรงม้า
9,000รอบ/นาที

ไฟท้าย LED ดีไซน์มาแบบท้ายสั้น 

อารมณ์สปอร์ตกันมาเลย

บังโคลนหลังถูกเลือนมาติดด้านล่าง

ยึดแบบขาเดี่ยว

ไฟส่องป้ายทะเบียน ก็เป็น LED

ด้วยนะ

ชุดแฟริ่ง วัสดุคุณภาพดี

ช่วงรอยต่อก็แนบชิดสนิท

งานประกอบต่างๆ บอดี้

ถือว่าเก็บงานได้ดีกว่าที่คิดไว้ 

มีบ้างเล็กน้อยที่รอยเชื่อมโครงเหล็ก

แต่ก็เป็นจุดที่รับได้

เพราะ ออฟชั่นกับราคาที่ให้มา

ก็เรียกว่าคุ้มสุดๆละ

ในส่วนของชุดสี ถ้าลองมองดูดีๆ

จะเป็นสีแบบเมทัลลิค

มีเม็ดสะท้อนแสงให้เห็นเล็กๆ

ในส่วนของการขับขี่ เริ่มต้นที่อัตราเร่ง

แรงทอร์คช่วงต้นมาดี ในช่วง 0-100

เร่งได้แบบจัดจ้าน บิดเป็นมา

ถือว่าแรงดีกว่าหลายๆตัว

ในคลาส 250-300 cc.

ของหลายๆค่ายที่เคยลองมา

แต่ในส่วนของความเร็วปลาย

หรือ TopSpeed ด้วยสภาพสนาม

ทางตรงยังไม่พอที่จะตอบได้แบบเจาะจง

แต่เท่าที่หลายคนลองๆกันมา

จะอยู่ที่ราวๆ 130-140 km/hr

ช่วงล่างมีความนุ่มหนึบ

ในระดับที่เรียกว่างานดี

เข้าโค้งเบรคหนักๆ ยังไม่มีอาการ

ท้ายปัดให้เห็น ในส่วนของการ

ซับแรงกระแทกถือว่าทำได้ในขั้นที่ดีมาก

แต่จะมีติเล็กน้อย เรื่องของเบรคในตัว ABS คือเวลากำเบรค จะไม่ถึงกับหยุดทันที

แต่จะมีอาการหน่วงเล็กน้อยก่อนจะหยุด 

กับในเวลาเราสับเปลี่ยนเกียร์

เลขเกียร์ที่หน้าจอแสดงผลจะช้าไปนิดนึง

แต่โดยรวมที่ทดสอบในวันนี้ เรียกได้ว่า

ดิสกว่าที่คีย์.......ดีกว่าที่คิด!

ทั้งในด้านวัสดุ งานประกอบ ออฟชั่นต่างๆ

บวกกับสมถรรนะตัวรถที่ให้มา 

แถมราคาที่ก็มาแบบให้จับจองกันได้จริงๆ

สำหรับการวางจำหน่าย

จะเปิดให้จองกันในงาน

Motor Expo 2018 ที่จะถึงนี้

ที่บูธ CFMOTO

วันที่ 29 พย. - 10 ธค. นี้

อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี